แม้อุตสาหกรรมฮอลลีวูดจะเป็นวงการที่หอมหวานและมากไปด้วยเม็ดเงินมหาศาล แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตส่วนตัวพังทลาย, ความเครียดที่สุ่มเสี่ยงก่อให้เกิดโรคร้าย, หลุดไปพัวพันกับยาและสารเคมีเสพติดแบบถอนตัวไม่ขึ้น หรือแค่อาจเพราะรู้สึกไม่สนุกกับวงการนี้แล้ว ฯลฯ มากมายเหตุผลประดามีทำให้นักแสดงหลายคนถอนตัวออกจากการเป็นนักแสดงและหันเหไปทำอาชีพอื่นที่พวกเขารู้สึกถนัดและชอบมันมากกว่า
และเหล่านี้คือเหล่านักแสดงที่ครั้งหนึ่งเคยโลดแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์ม ก่อนจะหันหลังให้มันและไปทำการงานอย่างอื่นแทน
อแมนดา ไบน์ส
บทสาวน้อยที่ปลอมตัวเป็นพี่ชายฝาแฝดเพื่อเข้าร่วมทีมฟุตบอลของโรงเรียนชายล้วนใน She’s the Man (2006, แอนดี ฟลิคแมน) ก็ทำให้ชื่อของไบน์สดังเป็นพลุแตก แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนุกกับสิ่งที่ตามมานัก ก่อนที่ในเวลาต่อมาชื่อของเธอจะแปะหราไปทั่วแท็ปลอยด์จากกรณีเมาแล้วขับปี 2012 จนสุดท้าย เธอออกมาทวิตเตอร์ถึงการออกจากวงการฮอลลีวูดไปสู่งานแฟชั่นว่า “การเป็นนักแสดงมันไม่สนุกอย่างที่เห็นหรอก ถ้าฉันไม่ได้ชอบอะไร ฉันก็ไม่ทำ และฉันก็ไม่ได้ชอบแสดงอีกแล้ว ก็เลยจะหยุดรับงานแสดงแล้วล่ะ”
นั่นทำให้บทนักเรียนสาวเคร่งศาสนาใน Easy A (2010, วิลล์ กลัค) จึงกลายเป็นหนังเรื่องสุดท้ายในอาชีพนักแสดงของไบน์สก่อนที่เธอจะไปต่อยอดด้านงานแฟชั่นตามทางถนัด (อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่ผ่านมาเธอให้สัมภาษณ์ว่าอยากกลับมาแสดงอีกครั้ง แต่แค่ซีรีส์ทางโทรทัศน์เท่านั้นนะ)
แดนนี ลอยด์
หลัง The Shining (1980, สแตนลีย์ คูบริค) ออกฉายและประสบความสำเร็จสุดขีด ก็ไม่ปรากฏว่าเจ้าหนู แดนนี เด็กชายผู้ปั่นสามล้อในหนังนั้นจะไปแสดงเรื่องไหนอีก จนเกิดเสียงลือเล่าอ้างว่าอาจจะเพราะความเคี่ยวสุดขีดของคูบริค-ผู้กำกับที่ได้ชื่อว่าถ่ายเทคซ้ำบ่อยมากที่สุดคนหนึ่ง-ทำให้เด็กน้อยเข็ดขยาดจากการแสดงนับแต่นั้น
แต่ลอยด์ซึ่งตอนนี้เป็นชายวัยกลางคนที่ทำงานเป็นอาจารย์ในวิทยาลัยในรัฐเคนตักกี บอกว่าการที่เขาไม่ได้ทำงานในวงการแสดงต่อนั้นไม่เกี่ยวอันใดกับคูบริคทั้งสิ้น “The Shining คือประสบการณ์ที่ดีซึ่งผมมองย้อนกลับไปอย่างรักใคร่มันเสมอ
“หลังจากนั้นผมก็ไปออดิชั่นบ้างแต่ก็ไม่ค่อยได้งานนัก แต่ไม่ได้เสียใจอะไร วันหนึ่งก็เริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมาน้อยๆ เพราะผมก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยบอกพ่อแม่ว่าไม่อยากเดินสายนี้แล้ว แค่นั้นเลย”
แดเนียล เดย์-ลูวิส
Phantom Thread (2017, พอล โทมัส แอนเดอร์สัน) คือหนังเรื่องสุดท้ายก่อนปลดเกษียณตัวเองของลูวิส การประกาศออกจากอาชีพนักแสดงของเขาทำเอาหลายคนช็อค เพราะไม่เพียงแต่เขาจะเป็นหนึ่งในนักแสดงที่อยู่ในวงการนี้มาเกือบสี่ทศวรรษ แต่ลูวิสยังเป็นหนึ่งในนักแสดงที่เก่งกาจมากที่สุดคนหนึ่งของยุคสมัย กับการแสดงแบบ method acting ที่ส่งเขาคว้าออสการ์นำชายมาแล้วสามสมัย (ปีนี้ เขายังเข้าชิงอีกครั้งจาก Phantom Thread)
“ก่อนจะถ่ายทำเรื่องนี้ (Phantom Thread) ผมไม่รู้เลยว่าผมจะเลิกแสดง รู้แค่ผมกับพอลเอาแต่หัวร่องอหายกันก่อนจะเริ่มถ่าย แล้วถึงหยุดหัวเราะกันเพราะต่างรู้สึกได้ถึงความเศร้าที่อาบคลุมพวกเราอยู่
“ผมหวั่นใจเหมือนกันที่จะใช้คำว่าศิลปิน แต่มันมีราคาของการเป็นศิลปินที่ต้องจ่ายอยู่ ผมต้องเชื่อในคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ หากคนดูเชื่อในมัน นั่นก็ถือว่าเพียงพอสำหรับผมแล้ว แต่ภายหลังมานี้ มันไม่พออีกต่อไปแล้วครับ”
แคเมอรอน ดิแอซ
เธอคือเจ้าของรอยยิ้มสดใสที่ทำให้เราตกหลุมรักตั้งแต่ยุค 90 จาก There’s Something About Mary (1998, บ็อบบี และ ปีเตอร์ ฟาร์เรลลี) รวมทั้งหนังแอ็กชั่นคอมิดี้อย่าง Charlie’s Angels (2000, เอ็มซีจี) แต่หลังจากรับแสดง Annie (2014, กลัค) ดิแอซก็ไม่ปรากฏตัวในหนังเรื่องไหนอีกเลยแม้แต่เรื่องเดียว
สำหรับเหตุผลนั้น ดิแอซบอกเพียงว่า การแสดงทำให้เธอไม่สามารถระบุตัวตนของเธอได้อีกต่อไปแล้ว “ฉันบอกไม่ได้แล้วจริงๆ ว่าตอนนี้ฉันคือใคร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับจริงๆ ฉันแค่อยากตั้งต้นใหม่ในชีวิตน่ะ”
แจ็ค กลีสัน
จอฟฟรีย์ บาราเธียน แห่งมหากาพย์ Game of Thrones คือหนึ่งในตัวละครที่เปี่ยมสีสันและแน่นอนว่าถูกสาปแช่งอย่างหนักตลอดทั้งซีรีส์ และส่งให้กลีสันกลายเป็นนักแสดงหนุ่มน่าจับตา (และน่าหยิก!) ไปโดยปริยาย แต่เขาไม่ได้สานต่องานด้านการแสดงแต่อย่างใด กลีสันผู้ยุ่งขิงอยู่กับการเรียนในคณะปรัชญาและเทววิทยา วิทยาลัยทรินิตีแห่งกรุงดิบลิน เลือกจะศึกษาต่อมากกว่า และเปรยๆ ว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำงานเป็นอาจารย์หรือบุคลากรในมหาวิทยาลัยอยู่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม กลีสันยังเกี่ยวข้องกับงานแสดงเล็กๆ น้อยๆ ด้วยการรวมกลุ่มกับเพื่อนในชั้นเรียน แสดงละครเวที Bears in Space ที่นิวยอร์คอยู่จ้า